วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ฝึกการสัมผัสธาตุกายสิทธิ์


 







   ฝึกการสัมผัสธาตุกายสิทธิ์

 การฝึกแบบนี้ อาจจะดูง่ายแต่ได้ผลดีมาก คนเราบางคนเกิดมาก็ไม่ได้ญาณพิเศษ หรือสัมผัสที่6 ใดๆเราจะพูดถึงคนที่ไม่มีแม้นกระทั่งญาณต่างๆเลย เข้าเรื่องกันเลนดีกว่า

1. นำธาตุกายสิทธิ์ที่คิดว่า ใช่ ถูกต้อง ของแท้ มีพลัง ชัว แน่นอน

2.นำมาอธิฐาณจิต ขอบารมี เช่น มีธาตุกายสิทธิ์ 1 ชิ้น นำมากำไว้ที่มือ ข้างไหนก็ได้

3.ให้เราสวดมนต์นะโม 3 จบ แล้วแผ่นเมตตา

4.ให้เราเอ่ยนามธาตุกายสิทธิ์นั้นๆ เช่น ขอบารมีแห่งธาตุกายสิทธิ์.......ที่ข้าพเจ้าได้สัมผัสอยู่ที่มือข้าพเจ้านี้ ถ้าท่านเป็นธาตุกายสิทธิ์จริง...ขอให้มือหรือ ส่วนต่างๆของร่างการข้าพเจ้ากระตุก หรือ ผ่านทางสัมผัสที่6 ที่ข้าพเจ้าจะได้รับรู้ รับทราบว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์จริง เพื่อที่ข้าพเจ้าจะได้ดูแลเก็บรักษาบูชา ให้ดี

5.พอเอ่ยเสร็จก็ทำจิตให้ว่าง สงบนิ่ง ซัก 30 วินาที แล้วก็ทวนข้อ 4. ใหม่อีกครั้ง ทำแบบนี้ไปเรืองๆเวลาว่างๆ จนกว่าจะได้คำตอบ ฝึกบ่อยๆ ( ข้อสำคัญธาตุกายสิทธิ์นั้นต้องเป็นของจริงเท่านั้นเวลาฝึก

6.พอเริ่มรู้ตัวว่าเราสามารถสัมผัสได้ ทีนี้ก็ต้องมาดูที่คำตอบอีกที

7.พอเราชินกับการสัมผัสแล้ว ต่อไปมาดูคำตอบ ถ้ามีการบอกผ่านทางสัมผัสที่6 ทีมนุษย์ทุกคนมี เช่น คิ้วขวา คิ้วซ้าย ไหล่ขวา ไหล่ซ้าย ตาขวา ตาซ้าย

ปรายจมูกขวา ปลายจมูกซ้าย  เป็นต้น

8.เรามาดูคำตอบ ถ้าบอกผ่านสัมผัสที่6 ของคน คิ้วซ้าย ดี  ไหล่ซ้าน ดี ปลายจมูซ้าย ดี  คำว่าดีแปลโดยรวมว่าถูกต้อง มองอีกแห่งมุมนึง ส่วยซีกขาวของคนเราส่วนมาก คำตอบคือ ไม่  ไม่ใช่ ไม่ดี  เป็นต้น

9.ทีนี้มาดูถึงญาณสัมผัสที่ไม่ผ่านสัมผัสที่6 ของคนถือว่าดีขึ้นอีกนิด เช่น มีการชา ที่มือที่เราสัมผัสธาตุกายสิทธิ์ หรือ ร้อน  เย็น อันนี้จะแยกออกได้ว่า เป็นการบอกโดยตรง ในการแผ่พลังให้คนผู้นั้นสัมผัสได้จำเพราะ ให้รู้ว่าเป็นของวิเศษดีจริง

10.ทำแบบนี้ไปจนเราสามารถสัมผัสได้ พอญาณในร่างการคนเราปรับสภาพให้เข้ากับร่างกายจนสามารถ ถามและสัมผัสได้ตลอดเวลา ถือว่าใช้ได้แล้ว

11.ต่อไปจะฝึกลึกลงไปอีก ถ้าคนไหนได้แบบ มีการกระตุกผ่านร่างกายในรูปแบบ คิดแล้วคำตอบออกมาได้ตลอดเวลา เหมือนคุยภาษาใบกับร่างการตัวเราเอง หมายความว่า คิด พูด คุยกับตัวเองในใจ เช่น เอ........ของชิ้นนี้ดี เป็นธาตุกายสิทธิ์ แล้วให้เราจับจิตให้ว่างดูคำตอบที่จะออกมาทางร่างการว่าออกมาแบบไหน แล้วพยามจำส่วนนั้นๆให้เริ่มจากการเป้นคำพูด ยกตัวอย่าง เช่น เวลาถาม ปรายจมูกซ้ายมีความรุสึกชาๆนิดๆ เราก็เอาคำตอบใส่ลงไป เช่น แปลว่า ใช่ ดี  แต่ถ้าเป็นปรายจมูกขวา ก็ใส่คำตอบแทนลงไปว่า ไม่ใช่ ไม่ดี หรือถ้าความหมายลึกลงไปอีก ก็จะแปลปลายจมูกขวาว่า มีวิญญาณไม่ดี มาใกล้เราจนเกินไป แต่ก็ไม่ต้องลึกถึงขนาดนั้นก็ได้

12.เวลาฝึกควรหาของที่เป็นธาตุกายสิทธิ์ เท่านั้น ( ส่วนสำคัญคือ พลังญาณที่แผ่ออกมาจากธาตกายสิทธิ์นั้นๆจะช่วยให้เราสามารถสัมผัสได้ )

13. ไว้ค่อยมาบอกให้ เอาแคนี้ให้ได้กันก่อน ( ต่อไปจะมาบอกให้ขอบารมี ญาณให้อยู่ในร่างกาย คนเราให้เป็นครูบาอาจาร์ในร่างการคนเรา เอ....ใครอยากได้ตรงนี้ให้ไปบวชดีกว่า เพราะบอกไปพูดไปเดี๋ยวผมจะงงเอง เอาไว้แค่นี้ก่อนนะครับ



การบูชาธาตุกายสิทธิ์
1.เมื่อนำเหล็กไหลเข้าบ้าน ควรจุดธูป 5 ดอกแล้วกล่าวว่า ข้าพเจ้า ชื่อ......นามสกุล..........ข้าพเจ้าขอนำเหล็กไหลที่ข้าพเจ้าได้มานี้ นำมาบูชาเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตัวข้าพเจ้าและครอบครัว ขอให้องค์พญาเหล็กไหลผู้ทรงอำนาจได้โปรดดลบันดาล ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขอให้มีแต่สิ่งดีๆ มีโชคมีลาภ เจริญรุ่งเรื่องด้วยหน้าที่การงานทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้ทำ และความอยู่เย็นเป็นสุข ปราสจากโรกภัยไข้เจ็บทั้งหลาย ขออำนาจแห่งคุณรพระศรีรัตนไตร เมื่อข้าพเจ้าได้ทำบุญกุศลครั้งใด ขอให้บุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำ จงไปถึงองค์พญาเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์ที่ข้าพเจ้าได้เป็นเจ้าของนี้ จงได้รับผลบุญของข้าพเจ้าทุกครั้งไปด้วยเทอญ
2.เมื่อนำเหล็กไหลเข้าบ้านแล้ว ก็นำน้ำผึ้ง เทใส่แก้วแล้วนำเหล็กไหลชิ้นนั้นแช่ลงไปซัก 1-3 วันจึงนำขึ้นมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วจึงนำขึ้นห้อยคอ
3.ใน 7 วันควรถอดออกมาแช่น้ำผึ้ง 1 ครั้ง
                                                                 เคล็ดลับการบูชา
          การบูชาทั่วๆไป การขอความสำเร็จนั้นอาจจะยากไปซักหน่อย แต่ก็สามารถทำให้มีการขอได้ง่ายขึ้นถ้าสามารถทำได้
1.การถวายข้าวปลาอาหารทุกวัน
2.ก่อนถวายข้าวปลาอาหาร ควรถวายพระพุทธที่บ้านเสียก่อน
3.สวดมนต์คาถาชินบันชรถวายแด่องค์เหล็กไหล (ให้เรานึกถึงว่าองค์เหล็กไหลรูปร่างเหมือนคนให้นึกว่าเป็นองค์เทพเนื้อตัวสีดำ แต่เครื่องทรงสีสดสวยงดงาม ด้วยการอิ่มบุญจากการที่เราสวดมนต์ถวาย)
4.ขอพร................อย่างที่เราอยากจะได้   การขอพรถ้ามันดูมากเกินไป ก็อาจจะได้บางส่วนที่ลดหลั่งลงมา
5.การทำแบนี้ ไม่ใช่แค่ เดือน 2 เดือนจะสนิดกับองค์เหล็กไหลเลย อันนี้ต้องอยู่ที่ความอดทนของคนๆนั้นด้วยเพราะจะต้องโดนทดสอบความอดทนด้วย
                                                               วิธีการสัมผัสกับธาตุกายสิทธิ์(ด้วยสัมผัสที่6)
1.เมื่อเรามีธาตุกายสิทธิ์ชนิดใดก็ได้ ต้องเป็นของจริงเท่านั้น นำมาไว้ที่กลางฝ่ามือ หรือถือไว้ที่นิ้วมือก็ได้ ก่อนที่เราจะฝึก ให้สวดนะโม 3 จบ แผ่เมตา
2.ให้เรานั่งสมาธิ หรือทำจิตให้สงบ ให้เราพูดว่า... ด้วยอำนาจ และบารมีแห่งธาตุกายสิทธิ์ที่ข้าพเจ้าได้สัมผัสอยู่นี้ ถ้าเป็นธาตุกายสิทธิ์จริง ขอได้โปรดบอกข้าพเจ้าในการสัมผัส ผ่านทางกายเนื้อของข้าพเจ้าส่วนไหนก็ได้ให้ข้าพเจ้าได้สัมผัสและรับรู้ว่าเป็นของวิเศษ ธาตุกายสิทธิ์จริงด้วยเทอญ
3.พอทำข้อ 2 เสร็จ ให้เรานั่งสำรวจร่างกายตัวเรา ตั้งแต่เส้นผม จนถึงปลายเท้า ประมาณ 1 นาที ต่อจากนั้นให้เริ่มถามใหม่ว่า ด้วยอำนาจ และบารมีแห่งธาตุกายสิทธิ์ที่ข้าพเจ้าได้สัมผัสอยู่นี้ ถ้าเป็นธาตุกายสิทธิ์จริง ขอได้โปรดบอกแก่ข้าพเจ้าด้วยด้วยเทอญ แล้วก็ทำจิตให้สงบ แล้วก็ พูดว่า ใช่ เป็นธาตุกายสิทธิ์จริง แล้วก็ทำจิตให้สงบ สำรวจร่างกายว่ามีการตอบสนองมั้ย ซัก 3 นาที ถ้ายังไม่มีส่วนไหนของร่างกายตอบสนอง ให้ถามคำถามใหม่หลังจาก 3 นาที
4.ถ้ามีการตอบสนองกลับมาแล้ว ให้จดจำการตอบสนองนั้นไว้ว่า เป็นคำว่าใช่ ตามคำถาม
5.พอเราเริ่มถามคำถามแบที่ 1 ไปแล้ว ให้เรามาถามแบที่ 2 ต่อ
6.ถามแบที่2 ทำจิตให้สงบถามในใจว่า ธาตุกายสิทธิ์ที่ข้าพเจ้าได้สัมผัสอยู่นี้ ไม่มีความวิเศษเลย ไม่ใช่ธาตุกายสิทธิ์เลย ถ้าไม่ใช่เลยให้บอกข้าพเจ้าด้วยเทอญ ตอนถามก็ทำจิตสำรวจร่างกายเราไปด้วยว่ามีการตอบสนองออกมาแบไหนแล้วเราก็จำเอาไว้
7.ทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะชำนาน พอชำนานในการถามสัมผัส ทีนี้เราก็สามารถสัมผัสของแต่ละชนิดได้รวมทั้งพระเครื่อง ทุกอย่างอยู่ที่ปาก และคำถาม
8.ทั้งหมดนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการสัมผัส พอเราเริ่มชำนานการสัมผัสจะแตกต่างออกไป เช่นมีทั้ง ร้อน หรือ เย็น
9.การสัมผัสแต่ละครั้ง จิตตัวเราเองสำคัญ อาจหลอกจิตตัวเราเองก็ได้ เพราะเราเกินชอบในของสิ่งนั้นขึ้นมาเลยคิดไปเองว่าใช่ หรือสัมผัสได้ว่าใช่ อันนี้คงต้องอาศัยความชำนานของแต่ละคนแล้วครับ
ข้อสำคัญ
1.ห้ามฆ่าสัตย์ทุกชนิด เช่น ห้ามตกปลา ห้ามเอาสัตย์เป็นๆมาทำอาหาร
2.ห้ามคิดไม่ดีต่อผู้อื่น
3.ห้ามคดโกงผู้อื่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น