วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2564

หนาวนี้ที่เบตง This winter in Betong Thailand


   หนาวนี้ที่เบตง มาสัมผัสอากาศหนาวที่เบตง ชมแสง สี ไฟประดับต้อนรับปีใหม่ พ.ศ.2564 บริเวณหน้าศาลาประชาคม แวะพักผ่อนถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกับตู้ไปรษณีย์ใหญ่ยักษ์ ที่มีความสูงประมาณ 9 เมตร หน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา และเป็นจุดแลนมาร์กอีกแห่งหนึ่งของเมืองเบตง


วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2564

เบตง ประดับไฟต้อนรับปีใหม่ 2021


   บตง ประดับไฟต้อนรับปีใหม่ 2021 บริเวณปากอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์และบริเวณรูปปั้นไก่เบตง ต้อนรับลมหนาวปีใหม่ 2564 ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวเบตงและต่างจังหวัดมาท่องเที่ยวถ่ายรูปกัน









วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2564

ทุ่งปอเทืองเบตง @ สะพานเอียง ชุมชนสวนผัก


   ทุ่งปอเทืองเบตง @ สะพานเอียง ชุมชนสวนผักได้สร้างแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองเบตง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ไปยืนชมความงดงามและถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกท่ามกลางทุ่งปอเทืองที่เหลืองอร่าม ทั้งยังนำตู้ไปรษณีย์จำลอง ตู้โทรศัพท์จำลอง ป้ายชุมชนสวยผัก มาตกแต่งให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเช็คอินสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่า ช่วงวันหยุดจะมีนักท่องเที่ยวจากเบตงและจากต่างจังหวัดแห่กันมาชมความงดงามและถ่ายรูปเก็บบรรยากาศที่ทุ่งปอเทืองสีเหลืองอร่าม ณ ชุมชนสวนผักใจกลางเมืองเบตงแห่งนี้กันอย่างคับคั่ง นอกจากทุ่งปอเทืองที่สวยงามแล้ว ที่ชุมชนสวนผักเทศบาลเมืองเบตง ยังมีร้านอาหารชื่อร้านสะพานเอียง ของกลุ่มสะพานเอียงของชุมชนไว้บริการแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในชุมชนสวนผัก
































"ปอเทือง" ดอกไม้สัญลักษณ์แห่งความจงรักภักดี “ปอเทือง” เป็นต้นไม้ในพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ เรื่องการปรับปรุงดิน ทรงแนะนำให้แก่เกษตรกรทำปุ๋ยหมักและปุ๋ยพืชสดใช้เอง เพื่อนำมาใช้แก้ความเป็นกรดให้แก่ดินของเกษตรกร ทดแทนการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนที่มีราคาแพง ด้วยพระอัจฉริยภาพในการแนะนำด้านการเกษตร จากการศึกษาพบว่า ต้นปอเทือง เป็นพืชที่มีคุณสมบัติในการบำรุงดิน การหว่านปอเทือง 1 ครั้ง เท่ากับการปรับปรุงโครงสร้างดินได้ถึง 15 ปีและเป็นปุ๋ยพืชสดที่ดีมากในการปรับปรุงดินให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์ ด้วย

วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564

ศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน เทศบาลเมืองเบตง


   ศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน เทศบาลเมืองเบตง ของฝากหลากหลายที่เป็น OTOP ของชุมชนในเมืองเบตง จำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าเบตง และสินค้าของฝากอาทิเช่น หมี่เบตง เสื้อสัญลักษณ์เบตง โกปี้โบราณเบตง กล้วยฉาบเบตง กล้วยกรอบเบตง โรตีกรอบเบตง แมสเบตง ไก่เบตงตุ๋นต้าลิหวัง ปลาส้มบ้านคอกช้าง เป็นต้น เป็นการร่วมมือของเทศบาลเบตงและกลุ่มชุมชนต่างๆในพื้นที่ ณ อาคารจำลอง ๑๑๑ปี เล่าขานตำนานเมืองเบตง






วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ทริป 8.1 อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว ผาพญางู เขารังเกียบ


   ทริป 8.1 อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว ผาพญางู เขารังเกียบ ต่อเนื่องจากทริปที่8 เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว มีระยะทางทั้งหมด 1400 เมตร โดยจะมีฐานความรู้ต่างๆ















หินเทพพินิจหรือหินหน้าคน หินที่มีลักษณะคล้ายใบหน้ามนุษย์ ซึ่งหินก้อนเดียวกันสามารถมองเห็นทั้งสองด้าน คล้ายใบหน้ามนุษย์ที่มีความแตกต่างกันคือด้านแรกคล้ายใบหน้าคนหนุ่มอายุประมาณ 40 ปี ส่วนอีกด้านหนึ่งคล้ายใบหน้าคนแก่อายุประมาณ 60 ปี เชื่อกันว่าหินก้อนนี้มีเทพสถิตคอยเฝ้ามองมิให้ผู้ใดแอบนำสิ่งของที่ไม่ได้รับอนุญาตินำออกไปจากสถานที่แห่งนี้ หินเทพพินิจดังกล่าวนับว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวบ้านทรายขาว ให้ความเคารพนับถือด้วยเช่นกัน















บ่อธารน้ำทิพย์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นบ่อน้ำโบราณที่ชุมชนในอดีตเคยนำน้ำมาใช้ประโยชน์ ว่ากันว่าน้ำในบ่อนี้ได้ไหลผ่านชั้นหินใต้ดิน และผ่านแร่ต่างๆ รวมถึงรากไม้หลายชนิด ไหลมารวมกันที่บ่อแห่งนี้ จนกลายเป็นน้ำสมุนไพร สามารถนำน้ำมารักษาโรคและใช้เพื่อความเป็นสิริมงคลตามความเชื่อ อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวได้นำตัวอย่างน้ำไปให้ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิยาเขตปัตตานีทำการวิเคราะห์ผล ปรากฎว่าสามารถดื่มได้ตามหลักมาตรฐานกรมอนามัย และได้ออกหนังสือรับรอง เลขที่ 23/55 ลงวันที่ 27/12/55 เป็นที่เรียบร้อย















ผาพญางู ตั้งอยู่ริมทางบริเวณทางขึ้นจุดชมวิวเขารังเกียบ ซึ่งเป็นทางถนนซีเมนต์ซึ่งมีความคดเคี้ยวสูงชัน ผาพญางู (phaya ngu cliff) เป็นก้อนหินผาขนาดใหญ่ ที่มีความสูงราวตึก 3-4 ชั้น มีรูปลักษณะคล้ายกับหัวงูขนาดใหญ่โผล่พ้นออกมาจากหน้าผา















ถ้ำวิปัสสนาเขาหินช้าง เป็นที่ประดิษฐ์สถานของพระพุทธรูปแกะสลักจากแก่นไม้ปางมารวิชัยหรือชนะมาร ลักษณะพระพุทธรูปปางนี้อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาะิ โดยพระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา พระหัตถ์ขาววางคว่ำลงที่พระชานุ นิ้วพระหัตถ์ชี้ลงที่พื้นธรณี สันนิฐานว่ามีอายุมากกว่า 200 ปี จากคำบอกเล่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่นั่งวิปปัสนาของหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด และท่านอาจารย์นอง อดีตเจ้าอาวาสวัดทรายขาว ถ้ำแห่งนี้จึงถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านในตำบลทรายขาว และตำบลที่อยู่ใกล้เคียงได้ให้ความเคารพนับถือ















หินสลักพระนามาภิไธย (หินเต่า) สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทรื ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จทรงลงพระนามาภิไธย เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2514
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเบิกพระเนตร พระพุทธมหามุนินทโลกนาถ พร้อมทรงลงพระนามาภิไธย เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2556















พระพุทธมหามุนินทโลกนาถ พระพุทธรูปปางยมกปาฏิหาริย์ ซึ่งสร้างขึ้นจากดำริของ “พระครูธรรมกิจโกศล” หรือ “พระอาจารย์นอง ธมฺมภูโต” อดีตเจ้าอาวาสวัดทรายขาว พระปางยมกปาฏิหาริย์ เป็นพระพุทธรูปอยู่ในอิริยาบถประทับนั่งบนบัลลังก์ ห้อยพระบาททั้งสอง วางบนดอกบัวที่รองรับเข่า ยกตั้งแบบประทับบนพระเก้าอี้ พระหัตถ์ซ้ายวางบนตัก พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมออก จีบนิ้วพระหัตถ์ ปัจจุบันพระปางยมกปาฏิหาริย์นับเป็นหนึ่งในศาสนสถานที่สำคัญในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามพุทธประวัตินั้น มีความว่า เมื่อพระพุทธเจ้าเสวยน้ำปานะเสร็จ ทรงรับสั่งให้นายคัณฑะ นำเม็ดมะม่วงไปปลูก เมื่อทรงล้างพระหัตถ์ลงบนปากหลุม เม็ดมะม่วงก็เจริญเติบโต ออกผลเต็มต้นเป็นอัศจรรย์ ต้นมะม่วงนั้นมีชื่อว่า คัณฑามพฤกษ์ ตามชื่อของนายคัณฑะ พระพุทธองค์ทรงเนรมิตจงกรมแก้ว ในอากาศเหนือต้นมะม่วง แล้วเสด็จขึ้นสู่ที่จงกรมนั้น ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ หรือการทำปาฏิหาริย์ให้บังเกิดเป็นคู่ ๆ โดยวิธีต่างๆ คือมีท่อน้ำและท่อไฟพุ่งมา จากส่วนต่างๆ ของพระวรกายสลับกันไป ท่อไฟที่พุ่งออกมานั้นมีฉัพพรรณรังสี คือมี 6 สีสลับกัน เมื่อกระทบกับสายน้ำ มีแสงสะท้อนสวยงามมาก ทรงเนรมิตพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมาอีกพระองค์หนึ่ง ทรงให้พุทธเนรมิตแสดงอาการ สลับกันกับพระพุทธองค์ เมื่อพระพุทธองค์ทรงยืน พระพุทธเนรมิตก็เสด็จจงกรม เมื่อพระพุทธองค์เสด็จจงกรม พระพุทธเนรมิตก็ทรงยืน เมื่อทรงตั้งปัญหาถาม พระพุทธเนรมิตก็ตรัสวิสัชนาแก้ สลับกันไป






วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ทริปที่ 8 เส้นทางท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว จังหวัดปัตตานี


   อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว น้ำตกทรายขาวตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี มีอาณาเขตอยู่ในพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัดชาดแดนภาคใต้ตอนล่างคือ ปัตตานี ยะลาและสงขลา มีพื้นที่ 43,482 ไร่หรือ 69,571 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาใหญ่และป่าเทือกเขาสันกาลาคีรี สภาพพื้นที่เป็นป่าดิบชื้น เป็นต้นกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่สำคัญที่อุดมไปด้วยพรรณไม้และสัตว์ป่านานาชนิด ตลอดจนมีเอกลัดษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาสันกาลาคีรี มีน้ำตกที่สวยงามถึง 3 แห่งคือ น้ำตกทรายขาว น้ำตกโผงโผง น้ำตกอรัญวาริน






















น้ำตกทรายขาว มีความสูง 40 เมตร รวม 10 ชั้น เดิมชาวบ้านเรียกว่า "น้ำตกกระโถน" ถูกค้นพบโดย พระครูศรีรัตนกร (ท่านศรีแก้ว) อดีตเจ้าอาวาศวัดทรายขาว เมื่อประมาณปี พ.ศ.2475 และท่านได้ชักชวนราษฎร์ทำการปรับปรุงเส้นทางขึ้นน้ำตกและบริเวณน้ำตก ต่อมาน้ำตกแห่งนี้ได้รับการพัฒนามาเป็นลำดับ จนถึงปัจจุบันอยู่ในการดูแลรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 145 ตอนที่ 71ก ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2551 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 110 ของประเทศไทย

วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2563

เส้นทางท่องเที่ยวน้ำตกโผงโผง จังหวัดยะลา


   เส้นทางท่องเที่ยวน้ำตกโผงโผง จังหวัดยะลา โดยจุดเริ่มต้นที่ถ้ำศิลป ถ้ำเสือต่อจากคลิป 6.3 ออกจากถ้ำเสือขับผ่านวัดคูหาภิมุข(วัดถ้ำยะลา) ถึงแยกให้เลี้ยวซ้าย โดยใช้เส้นทางหมายเลข 409 ถึงแยกบ้านเนียงให้เลี้ยวขวาไปตามเส้นทาง 409 ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที ขับจนมาถึงวัดธนาภิมุข(วัดปากล่อ)และมีป้ายบอกทางเข้าน้ำตกโผงโผง ให้เลี้ยวซ้าย แล้วขับเข้าไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตรก็จะถึงน้ำตกโผงโผง















น้ำตกโผงโผง ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 ตำบลปากล่อ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว ที่ ทข.1 (น้ำตกโผงโผง)ห่างจากน้ำตกทรายขาวประมาณ 18 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่เกิดจากยอดเขานางจันทร์ น้ำตกโผงโผงเป็นน้ำตกที่ไหลลดหลั่นลงมาเป็นขั้นบันได จำนวน 7 ชั้น จากที่ราบชั้นล่างสุดมีแอ่งน้ำตกขนาดใหญ่มองขึ้นไปยังผาน้ำตกชั้นบน จะมองเห็นน้ำตกไหลลงมาเป็นสายน้ำคดเคี้ยว ตามหน้าผาและโขดหินพื้นที่บริเวณ สองข้างลำธารและบริเวณที่ใกล้น้ำตก มีความร่มรื่นถูกปกคลุมด้วยพันธุ์ไม้นานา ชนิดสภาพร่มรื่นเย็นสบายเหมาะแก่การพักผ่อน